เมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา มีรายงานว่าแอร์โฮสเตสรุ่นใหญ่ จากสายการบิน แอร์วิสคอนซิน (Air Wisconsin) จูเลียน มาร์ช วัย 49 ปี ถูกจับกุม เพราะดื่มวอดก้าก่อนเวลางาน และขึ้นเครื่องไปบริการลูกค้าทั้งอาการเมาและไม่สามารถดูแลความปลอดภัยให้ผู้โดยสารได้
โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในเที่ยวบินที่ UA4849 ออกเดินทางจากเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐฯ มุ่งหน้าสู่เมืองเซาท์เบนด์ รัฐอินเดียนา เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา
หนึ่งในผู้โดยสาร แอรอน เชิร์บ เล่าเหตุการณ์ว่า ตนสังเกตเห็นว่าจูเลียนดูผิดปกติ เวลานั่งก็เอนพิงผนัง ไม่มองหน้าหรือสบตาใคร และเมื่อถึงเวลาประกาศข้อแนะนำในการบิน และการปฏิบัติตัวก่อนออกเดินทาง จูเลียนก็ประกาศไม่จบ อยู่ๆ ก็หยุดพูดกลางคัน เมื่อนักบินโทรเข้ามาเพื่อสอบถามความเรียบร้อยก่อนเทคออฟ จูเลียนก็ไม่รับสาย ปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่นานกว่าจะเอื้อมมือไปรับ
เมื่อจูเลียนนั่งลงบนเก้าอี้ของลูกเรือ ก็มีท่าทางง่วงนอนมาก ก่อนจะนั่งหลับคอพับ เอนตัวไปมา และนั่งหลับไปตลอดการเดินทาง ซึ่งเป็นการเดินทางสั้นๆ ประมาณ 25 นาที
แอรอนได้ทวีตข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ไปถึงสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ส สอบถามถึงความเหมาะสมของพฤติกรรมนี้ นอกจากนี้ เมื่อเครื่องเดินทางไปถึงจุดหมาย ผู้โดยสารหลายคนก็ได้ร้องเรียนเรื่องนี้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจสนามบินและเจ้าหน้าที่สายการบิน
จูเลียนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบสวน และเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งผลปรากฏออกมาที่ 204 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าสูงมาก เพราะค่ามาตรฐานที่อนุโลมสำหรับลูกเรืออยู่ที่ 40 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
จูเลียนสารภาพว่า ก่อนเข้าทำงาน ตนดื่มวอดก้าไป 2 ช็อตใหญ่ ทำให้เกิดอาการมึนเมา และทางสายการบินก็ได้พิจารณาไล่เธอออกทันที อีกทั้งยังถูกแจ้งข้อหามึนเมาในที่สาธารณะอีกด้วย โดยขณะนี้เธอถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเซนต์โจเซฟเคาน์ตี ในรัฐอินเดียนา
สื่อต่างประเทศมีรายงานเกี่ยวกับแถลงการจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ โดยทรัมป์ได้มีการประกาศว่าอเมริกาจะไม่ทำธุรกิจใดๆกับทางยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei และยังมีการระงับระบบการออกใบอนุญาติสำหรับหรับบริษัทอเมริกาในการทำงานร่วมกันหัวเว่ย โดยทรัมป์ได้กล่าวว่า “เราจะไม่ทำธุรกิจใดๆกับหัวเว่ย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีการทำข้อตกลงการค้าใดๆซะเลยทีเดียว” มีรายงานจาก Bloomberg ว่า กว่า 50 บริษัทอเมริกาได้มีการยื่นขอใบอนุญาติทำการค้ากับหัวเว่ย ในระหว่างทีมีการแบน ซึ่งถึงตอนนี้ คำขอเหล่านั้นยังอยู่ในระว่างการรอการอนิมัติ
อย่างไรก็ตาม คำประกาศนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการตอบโต้ต่อข่าวการหยุดซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ แม้หัวเว่ยจะไม่มีส่วนเกียวข้องอะไรกับเรื่องการซื้อขายสินค้าเกษตรก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าทรัมป์จะไช้ข้อได้เปรียบกรณีของหัวเว่ยในการงัดกับจีนในสงครามการค้านี้
แม่รัสเซียเลือดเย็น ลูกไม่มีนมกิน จับฆ่ารัดคอ บอกต่อไปนี้หนูจะไม่หิวแล้ว
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา มีรายงานว่าแม่ลูกอ่อนชาวรัสเซีย วัย 28 ปี ยูเลีย คาบิโรวา ถูกจับกุมข้อหาฆาตกรรม หลังก่อเหตุฆ่ารัดคอ ‘ทิมูร์’ ลูกชายวัย 1 ขวบ 2 เดือน โดยแม่รายนี้แสร้งว่าลูกหาย และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ความแตก และออกมาสารภาพว่าทำไปเพราะสถานการณ์บีบบังคับ ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน จึงต้องฆ่าลูก ลูกจะได้ไม่ต้องร้องไห้หิวนมอีก
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านอิสมายโลโว เขตเดียร์ตยูลินสกี ในพื้นที่สาธารณรัฐบัชคอร์โตสถาน ทางตะวันตกของประเทศรัสเซีย โดยยูเลียมีลูกสาวคนโตอายุ 5 ขวบอยู่แล้วก่อนจะมีลูกชายคนนี้ และเธอได้เลิกรากับสามีไปแล้ว และกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
โดยในวันที่ 29 ส.ค. ยูเลียได้แกล้งเข้าไปแจ้งความว่าลูกหายไปกลางดึก ไม่รู้ว่าไปไหน ตอนเดินไปดูที่เปลก็ไม่มีแล้ว ตำรวจจึงเร่งออกตามหา ติดป้ายประกาศ พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ชาวบ้านอีกรวมกว่า 100 คนช่วยกันตามหา อีกทั้งยังได้ประสานทีมอาสาสมัครและทีมนักประดาน้ำด้วย แต่หาเท่าไรก็ไม่มีวี่แวว
กระทั่งคืนวันที่ 31 ส.ค. ทุกคนก็ได้รับข่าวร้ายเมื่อเจ้าหน้าที่พบร่างไร้ลมหายใจของเด็กน้อยถูกฝังอยู่ในหลุมขนาดเล็กในสวนหลังบ้านของยูเลียผู้เป็นแม่เอง และสาเหตุการเสียชีวิตก็มีเงื่อนงำ ตำรวจจึงส่งร่างเด็กไปชันสูตรที่สถานบันนิติเวชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
ยูเลีย ตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญ และระหว่างการสอบปากคำก็แสดงท่าทางพิรุธ พูดจาวกไปวนมา โดยเล่าว่าตอนแรกที่เห็นลูกอยู่ตรงนี้ ลูกยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปพูดว่าลูกอาจจะถูกต้นตำแยกัดจนเสียชีวิต หลังจากการสอบสวนอย่างละเอียด ยูเลียก็ยอมรับสารภาพว่าโกหกเรื่องลูกหาย และแท้จริงแล้วเธอเป็นคนลงมือฆ่าลูกเอง โดยตอนลงมือ เธอบอกกับลูกว่า ‘ไม่เป็นไรนะลูก เดี๋ยวหนูก็จะไม่ต้องหิวอีกต่อไป และจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไปแล้ว’ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ ลูกเธอร้องไห้หิวนมตลอดเวลา ให้กินแล้วก็ไม่หยุดร้องจนนมหมดเกลี้ยงตู้เย็นและไม่มีอาหารอย่างอื่นเหลือแล้ว เธอได้เอาเชือกมารัดคอลูกจนตาย ก่อนจะเอาผ้าห่มมาห่อศพเอาไว้ และขุดดินฝังศพลูกในสวนหลังบ้าน
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป